วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

Songkran Festival


 “Songkran” is the Thai traditional New Year and an occasion for family reunion. At this time, people from the rural areas who are working in the city usually return home to celebrate the festival. Thus, when the time comes, Bangkok temporarily turns into a deserted city. 

      The festival falls on April 13 and the annual celebration is held throughout the kingdom. In fact, “Songkran” is a Thai word which means “move” or “change place” as it is the day when the sun changes its position in the zodiac. It is also known as the “Water Festival” as people believe that water will wash away bad luck. 

      This Thai traditional New Year begins with early morning merit-making offering food to Buddhist monks and releasing caged birds to fly freely into the sky. During this auspicious occasion, any animals kept will be set free. Paying homage to one’s ancestors is an important part of the day. People will pay their respects to the elders by pouring scented water over the palms of their hands. The elders in return wish the youngsters good luck and prosperity. 

      In the afternoon, after performing a bathing rite for Buddha images and the monks, the celebrants both young and old, joyfully splash water on each other. The most-talked about celebration takes place in the northern province of Chiang Mai where Songkran is celebrated from April 13 to 15. During this period, people from all parts of the country flock there to enjoy the water festival, to watch the Miss Songkran Contest and the beautiful parades. 

      In Bangkok, the Buddha image “Buddhasihing” is brought out from the National Museum for people to sprinkle lustral water at Sanam Luang opposite the Grand Palace.



 เทศกาลสงกรานต์

      “สงกรานต์” คือ วันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีไทยและเป็นโอกาสที่สมาชิกในครอบครัวจะได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตา ในช่วงเวลานี้ประชาชนผู้ซึ่งเป็นคนต่างจังหวัดที่มาทำงานในกรุงเทพมหานครส่วนใหญ่ก็จะเดินทางไปฉลองเทศกาลนี้ที่บ้านเกิดของตน ดังนั้นเมื่อเทศกาลนี้มาถึงกรุงเทพมหานครก็จะกลายเป็นเมืองร้างไปชั่วคราว

      เทศกาลสงกรานต์ตรงกับวันที่ 13 เมษายนและการฉลองประจำปีก็จะจัดให้มีขึ้นทั่วทั้งราชอาณาจักร ที่จริงแล้วคำว่า “สงกรานต์” นี้เป็นภาษาไทยซึ่งหมายถึง “เคลื่อนย้าย” หรือ “เปลี่ยนที่” เพราะว่าเป็นวันที่พระอาทิตย์เปลี่ยนตำแหน่งในทางจักรราศี นอกจากนี้ยังเรียกว่า “เทศกาลน้ำ” อีกด้วย เพราะว่าประชาชนเชื่อว่าน้ำจะพัดพาเอาสิ่งที่เป็นอัปมงคลออกไป

      วันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของไทยนี้เริ่มต้นแต่เช้าตรู่ด้วยการทำบุญตักบาตรแก่พระสงฆ์และปล่อยนกที่ขังไว้ให้เป็นอิสระ ในช่วงวาระโอกาสอันเป็นมงคลนี้ สัตว์ต่างๆ ที่ถูกขังไว้ก็จะได้รับการปล่อยให้เป็นอิสระ พร้อมกันนี้การไหว้บรรพบุรุษก็เป็นส่วนสำคัญของวันนี้ด้วย ประชาชนจะแสดงความเคารพต่อผู้สูงอายุ และในทางกลับกันผู้สูงอายุก็จะอวยพรให้ผู้น้อยประสบโชคดีและเจริญรุ่งเรือง


   ในตอนบ่าย หลังจากพิธีสรงน้ำพระพุทธรูปและพระสงฆ์แล้ว ผู้ร่วมฉลองทั้งหนุ่มและแก่ต่างสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน การฉลองที่มีคนกล่าวขานกันมากที่สุดเห็นจะเป็นที่จังหวัดทางภาคเหนือ คือ เชียงใหม่ ซึ่งการฉลองที่นี่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ช่วงเวลานี้ประชาชนจากทั่วทุกภาคของประเทศจะแห่กันไปที่นั่นเพื่อร่วมสนุกสนานในเทศกาลน้ำนี้ เพื่อชมการประกวดนางงามสงกรานต์และขบวนพาเหรดที่สวยงาม


      ในกรุงเทพมหานคร พระพุทธรูป “พระพุทธสิหิงค์” จะถูกอัญเชิญจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมาประดิษฐานไว้ที่ท้องสนามหลวง (ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง) เพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำด้วย





วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

ทำไมต้องเรียนภาษาอังกฤษ

                 ทำไมต้องเรียนภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษนั้นสำคัญจริงหรือ ก็ต้องบอกว่า “สำคัญ”
ซึ่งถ้าพูดแบบนี้ก็อาจจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้   ทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่าการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารในชีวิตประจำวันมีความจำเป็นอย่างมากเรียกได้ว่ามันแทบจะซึมซับเข้าไปกับชีวิตประจำวันแล้วก็ว่าได้ ถึงกับมีคำพูด ว่าถ้าที่ไหนไม่มีภาษาอังกฤษที่นั่นถือว่าเชยค่อนข้างสุดๆ แล้ว ภาษาอังกฤษมันมีความสำคัญและมีอิทธิพลกับเรามากน้อยเพียงใด ทั้งๆที่มันไม่ใช่ภาษาแม่ของเราซะหน่อย ก็ต้องตอบว่ามันสำคัญจริงๆไม่ว่าเราจะเดินไปตรงไหนคำศัพท์ภาษาอังกฤษมันแทบจะอยู่รอบๆตัวเราไปหมด เลยก็ว่าได้ และก็มีคนบางส่วนที่เหมือนกับว่าจำเป็นหรือจำใจต้องใช้ภาษาอังกฤษ ลองมาพิจารณาดูว่าคนเหล่านั้นเค้าจะให้เหตุผลกับการที่จะต้องเรียนภาษาอังกฤษกันว่าอย่างไร ก็มีหลายคนไม่ใช่น้อยเลยก็ว่าได้ ที่นึกหาเหตุผลมาตอบตัวเองหรือตอบคนรอบข้างที่ถามไม่ออกเลยว่าทำไมตัวเองจะต้องมานั่งเรียนภาษาอังกฤษแล้วมันสำคัญจริงหรือ แต่จะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม สุดท้ายก็ต้องมานั่งเรียนภาษาอังกฤษอยู่ดีก็อย่างที่บอกไปแล้วในข้างต้นว่าภาษาอังกฤษมันกลายเป็นภาษาที่ซึมซับเข้าไปในกับชีวิตประจำวันไปแล้ว มันก็จะเกิดคำถามขึ้นมากับคนบางคนว่าแล้ว “ทำไม ทำไม”ต้องเรียนภาษาอังกฤษ

Why do you think we should learn English? ทำไมคุณถึงคิดว่าเราควรที่จะเรียนภาษาอังกฤษ และเหตุผลต่อไปนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งจากหลายๆเหตุผลที่คนมักจะใช้เป็นคำตอบแทนว่า “ทำไม ทำไม” เราถึงต้องเรียนภาษาอังกฤษ เราลองมาพิจารณาดูว่าเหตุผลที่ยกมาเหล่านี้แล้วคุณคิดว่าเหตุผลไหนที่คุณจะนำมาใช้ในการตอบคำถามเวลาที่มีคนมาถามคุณว่า



ทำไมคุณถึงต้องจำเป็นที่จะเรียนภาษาอังกฤษ

I want to pass an exam. ก็แค่ต้องการจะสอบให้ผ่านๆไปก็เท่านั้นI want to meet foreign friends. ก็ฉันอยากมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติI want to travel aborad. ฉันอยากเดินทางไปต่างประเทศI want to get a better job. ฉันอยากได้งานที่ดีขึ้นI want to study overseas. ฉันอยากไปเรียนต่างประเทศ


หรืออาจจะมีเหตุผลอื่นๆอีก เช่น
Because it’s required เพราะมันเป็นสิ่งจำเป็น
Because I like languages เพราะฉันชอบภาษา

เหตุผลที่กล่าวมานี้ อาจจะเป็นข้ออ้างหรือโดนใจใครต่อใครอีกหลายๆคนก็เป็นได้ แล้วถ้าเราคิดที่จะชอบเรียนภาษาอังกฤษขึ้นมาหล่ะเราจะต้องทำอย่างไร เราก็ยังคงอยากจะรู้และต้องการค้นหาวิธีต่อไปอีกว่า แล้วเราจะต้องทำยังไงให้เรียนภาษาอังกฤษได้ดีพูดได้คล่องพอที่จะได้เอาไว้ไปพูดกับฝรั่งได้ฉอดๆบ้าง แล้วมันมีวิธีไหนบ้างล่ะที่จะทำให้เราสามารถนำคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่อยู่รอบๆตัวเรามาใช้ประโยชน์เพื่อที่จะเป็นการฝึกฝนตัวเองในขั้นต้นก่อน
เรามาลองพิจารณาเหตุผลดังต่อไปนี้ดู
How do you learn English? คุณเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยวิธีใด
I study grammar ก็เรียนไวยากรณ์สิ บางคนก็บอกว่าเรียน grammar ให้ได้ก่อนแล้วค่อยจำคำศัพท์ให้ได้เยอะๆ
ถ้าได้คำศัพท์เยอะมากพอแล้วเดี๋ยวก็สามารถพูดได้เอง โต้ตอบกับฝรั่งได้เองเวลาที่ฝรั่งถาม นั่นมันก็อาจจะใช่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความคิดนั้นจะถูกต้องที่สุด หรือบางคนอาจจะคิดในทางกลับกันว่าควรจะได้คำศัพท์มากๆ การที่ได้คำศัพท์เยอะเป็นข้อดีและได้เปรียบมากนั่นคือสิ่งที่เข้าใจถูกต้องเหมือนกัน ถูกต้องในขั้นพื้นฐาน แต่ลองนึกภาพตามคำพูดต่อไปนี้ดู เช่นเวลาที่เรายังเด็กๆ กำลังเริ่มที่จะหัดพูดสิ่งแรกเลยที่มีความสำคัญสำหรับเด็กเล็กๆเลยก็คือการเริ่มพูดได้ทีละคำ
เวลาที่ผู้ใหญ่พูดด้วยแล้วเด็กสามารถตอบคำถามได้ถูกต้องถึงแม้ว่าสิ่งที่เด็กตอบมานั้นเป็นแค่คำๆเดียวสั้นๆไม่ได้เป็นประโยคที่มี ประธาน กิริยา หรือกรรม ครบประโยคที่สมบูรณ์ แต่มันก็สามารถทำให้รู้ว่าเค้าเข้าใจในคำถามนั้นๆ นี่ก็คือแบบเด็กๆ แต่เมื่อเข้าโรงเรียนแล้วเด็กก็เริ่มที่จะเรียนรู้ถึงการผสมคำผูกประโยค ผสมสระต่างๆทำให้สามารถหยิบคำต่างๆที่เคยใช้ประโยชน์จากการที่รู้คำศัพท์มากๆพูดเป็นคำๆมาเรียงประโยคได้ถูกต้องตามหลักภาษาที่สมบูรณ์
สิ่งนี้แหละที่จะบอกว่าการได้คำศัพท์เยอะมันมีประโยชน์อย่างไร แล้วแกรมม่าควรจะให้ความสำคัญตอนไหน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำถาม ซึ่งบางคนก็อาจจะมีวิธีส่วนตัวที่แตกต่างกันออกไปในการที่จะเริ่มเรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษ อย่างเช่น
บางคนอาจนัดเจ้าของภาษาไปเที่ยวนั่นก็หมายความว่าคุณต้องมีเพื่อนเป็นฝรั่งแล้วล่ะ หรือให้แนวๆหน่อยทันสมัยกับเค้าก็อาจจะใช้อินเทอร์เนตในการแชต Skype คุยกับเพื่อนต่างชาติแบบงูๆปลาๆ ก็คือฟัง พูดเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่อาศัยความกล้าที่จะพูด หรือ ไม่ก็ส่งอีเมล์เป็นภาษาอังกฤษแบบถูกหลักแกรมม่าบ้างไม่ถูกบ้างก็ว่ากันไปตามศักยภาพของแต่ละคน หรือบางคนก็ดูว่าจะทันข่าวหน่อยก็พยายามดูหนัง ฟังเพลง ฟังข่าวภาคภาษาอังกฤษ อ่านการ์ตูน นั่นก็คือ
สิ่งที่สามารถทำได้ แต่ที่แน่ๆและทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าหากคุณต้องการที่จะเขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษอย่างถูกหลักแกรมม่า และสามารถสื่อสารพูดคุยภาษาอังกฤษกับเพื่อนต่างชาติได้ล่ะก้อคุณมาที่ U-Success ซิเราพร้อมเสมอที่จะช่วยให้คุณได้ในสิ่งที่คุณอยากได้
คุณจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีและเขียนได้อย่างถูกหลักไวยากรณ์ เรียนสนุกเป็นกันเองแบบไม่เคร่งเครียดอย่างที่คิด อาจารย์ของเราสอนสนุกเป็นกันเองกับนักเรียนทุกๆคน ทั้งที่เป็นอาจารย์คนไทยและอาจารย์ต่างชาติเจ้าของภาษาอังกฤษ เขียนจดหมายได้ดีและถูกหลักไวยากรณ์ พูดได้ สื่อสารกับเพื่อนต่างชาติได้ดีไม่นานจริงๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเราช่วยคุณได้จริงๆ เราจะจัดครูที่สอนให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียน ทั้งที่เป็นอาจารย์คนไทยและอาจารย์เจ้าของภาษา

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

ประวัติ

ชื่อนางสาว วาทศิลป์ ช่องวารินทร์
กำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัย ราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 
คณะครุศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ